WHAT'S NEW?
Loading...

คนคิดจะซื้อรถควรอ่าน! 10 รายจ่ายที่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม หลังซื้อรถใหม่


Advertisements

คนคิดจะซื้อรถควรอ่าน! 10 รายจ่ายที่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม หลังซื้อรถใหม่ Photo By lifehacker.com

สำหรับวันนี้ก็มีสาระดีๆ ที่จะเอามาให้คนที่กำลังมีแผนจะซื้อรถใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือว่ารถยนต์มือสอง นอกจากเงินดาวน์ เงินผ่อนรถแล้ว ค่าใช้จ่ายที่จะตามมาก็จะต้องเตรียมความพร้อมไว้ซักหน่อย เพราะ 10 รายจ่ายนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ หลังจากที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ครับ

1.ค่า พ.ร.บ. รายปี พ.ร.บ. คือ การประกันรถยนต์ภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ปีละ 600-1,200 บาท บางครั้งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่พ่วงมากับประกันภัยรถยนต์ หรือบางครั้งก็ต้องซื้อแยกต่างหาก

2.ค่าต่อทะเบียน ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,500-3,000 บาทต่อปี ยิ่งรถที่มีขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ก็ยิ่งเสียภาษีส่วนนี้แพงขึ้น สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี ต้องนำรถไปตรวจสภาพด้วย

3.ค่าประกันภัย ประกันภัยรถยนต์ จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภัยจากรถยนต์ ซึ่งโดยทั่วไป มีให้เลือกประกันชั้น 1-3 หรือแล้วแต่ข้อเสนอของแต่ละบริษัท ซึ่งเบี้ยประกันที่สูงขึ้น ก็จะคุ้มครองรถเราได้มากขึ้น โดยเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ประมาณ 6,500 บาท ถ้าประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์บ้านๆ เฉลี่ยอยู่ที่ ปีละ 12,000-20,000 บาท ยิ่งรถแพงเท่าไหร่ ค่าเบี้ยประกันก็ยิ่งแพงขึ้น สำหรับใครที่ซื้อรถเงินสดจะไม่ทำประกันภัยก็ได้ครับแต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่ทำ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ แต่ถ้าผ่อนกับแนนซ์แน่นอนว่าไฟแนนซ์จะบังคับให้ทำครับ

4.ค่าบำรุงรักษา รถยนต์ย่อมมีการสึกหรอ จึงต้องมีการบำรุงรักษา โดยเฉลี่ยทุก 6-12 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันไป ขึ้นกับ ยี่ห้อรถ รุ่นรถ การใช้งาน และความสามารถในการถนอมรถของแต่ละคน แม้จะเป็นรถยนต์ธรรมดาๆ ค่าดูแลรักษาที่เหมาะสมมักจะอยู่ที่ ปีละ 5,000-10,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถยนต์ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น หรือรถยนต์ที่เริ่มเก่า ค่าบำรุงรักษาอาจสูงถึงหลายหมื่นบาทต่อปี

5.ค่ายางรถยนต์ ยางรถยนต์ ถือเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับถนน ยางที่หมดสภาพแล้ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ดังนั้น ไม่ควรละเลยที่จะเปลี่ยนยางตามระยะทาง และเวลาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนทุก 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพการใช้งาน โดยราคายางรถยนต์ มีตั้งแต่ ชุดละไม่เกิน 10,000 บาท จนถึง หลายหมื่นบาท ขึ้นกับรุ่น ยี่ห้อ ขนาดของยาง แต่โดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ ชุดละ 10,000-20,000 บาท

6.ค่าน้ำมัน ค่าเชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่ยากจะระบุตายตัว เพราะราคาน้ำมันผันผวนตลอดเวลา อีกทั้งการใช้งานของแต่ละคน อาจต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ใช้รถทุกวัน ค่าเชื้อเพลิงมักเกิน 3,000-5,000 บาท สำหรับรถคันเล็ก ยิ่งรถคันใหญ่ หรือรถที่มีอัตราบริโภคน้ำมันสูง ค่าเชื้อเพลิงจะสูงกว่านี้ และอาจถึง 10,000 บาทต่อเดือน วิธีลดค่าเชื้อเพลิงคือ ปรับเปลี่ยนนิสัยการขับขี่ให้เหมาะสม วางแผนการเดินทางให้ดี

7.ค่าทางด่วน สำหรับบางคนที่บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงาน การใช้ทางด่วน อาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้เลย เพราะต้องเดินทางระยะไกล แถมยังต้องฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัดในแต่ละวัน โดยอัตราค่าทางด่วนในปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ 50-100 บาทต่อการขึ้น 1 ครั้ง สำหรับคนที่ขึ้นทางด่วนทุกวัน ค่าทางด่วนแต่ละเดือน อาจสูงถึง 3,000-4,000 บาท

8.ค่าที่จอดรถ สำหรับคนที่อยู่หอพัก คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม ที่มีความแออัดสูง หรือคนที่ขับรถไปทำงานในย่านธุรกิจ การเช่าที่จอดรถประจำ ในราคา 1,500-5,000 บาทต่อเดือน กลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะ รถยนต์ส่วนตัว เกิน 7 ที่นั่ง ที่ล่าสุด กรมการขนส่งทางบกออกระเบียบใหม่ในการจดทะเบียน ว่าจะต้องมีที่จอดรถภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดชัดเจน

9.ค่าล้างรถ ค่าใช้จ่ายในการล้างรถ อาจตกเดือนละหลายพันบาทก็เป็นได้ วิธีช่วยลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ คือการหันมาล้างรถด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากแล้ว ยังสามารถเลือกอุปกรณ์และน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดรถได้ตามต้องการอีกด้วย

10.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ว่ามาทั้งหมดแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ที่อาจตามมาโดยไม่ได้คาดหมาย เช่น ค่าปรับจากการขับรถผิดกฎจราจร ค่าใช้จ่ายในการแต่งรถ ค่าอุปกรณ์ติดรถต่างๆ ซึ่งไม่ได้ถูกคิดรวมไว้ในรายการ เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ผู้ที่จะซื้อรถควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะตามมา นอกเหนือจากค่างวดผ่อนรถในแต่ละเดือน รวมทั้งคำนวนรายรับ รายจ่ายอย่างละเอียด ว่าสามารถซื้อรถได้หรือไม่



บทความจาก...... news.unseencar.com
Advertisements

Advertisements

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น